ซลัตโก้ ดาลิช เฮดโค้ช โครเอเชีย ยกย่องให้คู่แข่งที่กำลังจะลงเจอกันอย่าง บราซิล คือทีมที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ขณะเดียวกันยืนยันว่าพวกเขาจะสู้เต็มที่อย่างไม่ยอมแพ้
คืนวันศุกร์นี้ ดาลิช เตรียมคุม โคเอเชีย รองแชมป์เก่า ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีมสุดท้ายพบ บราซิล และระหว่างการให้สัมภาษณ์ก่อนเกม กุนซือวัย 56 ปี กล่าวถึงชาติคู่แข่ง
“บราซิล มีประชากรเกิน 200 ล้านคน ส่วนเรามีแค่ 4 ล้านคน ดังนั้นเราค่อนข้างเหมือนเป็นย่านชานเมืองในประเทศ บราซิลมันจะเป็นเกมที่แตกต่างออกไปจากที่เราเคยเจอก่อนหน้านี้ เพราะ บราซิล ชอบเล่นฟุตบอลเมื่อพิจารณตามความเป็นจริงแล้ว บราซิล คือทีมที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ พวกเขามีทั้งความเร็วและจับทางได้ยากกว่าทีมอื่น”
“พวกเขาสร้างอันตรายได้จากทุกทิศทางทั้ง ราฟินญ่า, วินิซิอุส, เนย์มาร์ และเหล่ากองหน้าทั้งหลาย ดังนั้นหากเราเปิดพื้นที่ให้พวกเขา เราจะเจอปัญหาเมื่อเสียบอล พวกเขาจะเพรสซิ่งสูง แต่ถ้าไม่สามารถแย่งบอลกลับคืนมาได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที พวกเขาจะเจอปัญหาเช่นกัน”
“บางทีเราอาจต้องคิดว่าเราเข้าถึงรอบชิง มากกว่าคิดว่าเป็นรอบ 8 ทีม, เราจะพยายามอย่างดีที่สุดและเราจะไม่ยอมแพ้ก่อนแข่ง เราต้องการตอบโต้คุณภาพ บราซิล ด้วยคุณภาพที่เรามี และใช้สไตล์ฟุตบอลของเราเอง”
“เราเคยสร้างประวัติศาสตร์มาแล้วทั้งการเป็นรองแชมป์เมื่อปี 2018 และอันดับ 3 เมื่อปี 1998 ดังนั้นครั้งนี้เป็นผลงานที่ดีที่สุดอันดับ 3 ของ โครเอเชีย ในฟุตบอลโลก”
“ผมไม่ต้องการเทียบทีมชุดนี้กับปี 2018, ตอนนั้นเรามีผู้เล่นที่อยู่กับสโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า, อินเตอร์, ยูเวนตุส, ลิเวอร์พูล และแน่นอน เรอัล มาดริดเมื่อคุณเปรียบเทียบกับตอนนี้ เรามีผู้เล่น 6 คนที่มาจากลีกสูงสุดใน โครเอเชีย ดังนั้นเรามีทีมที่แตกต่างกัน แต่ผมต้องขอชื่นชมผู้เล่นชุดนี้ เพราะพวกเขากำลังโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม”
“เราต้องชาญฉลาดอย่างมากในการเล่นกับ บราซิล, เราไม่สามารถเปิดเกมบุกมากเกินไป แต่เราก็ไม่สามารถตั้งรับอย่างเดียวได้เกมนี้จะไม่ใช่เกมที่เรามีโอกาส 50-50 แต่ขณะเดียวกันเราก็ไม่ได้เป็นรองขนาดนั้น”
“บราซิล มีวิธีการเฉลิมฉลองเป็นของตัวเอง พวกเขาดีใจด้วยวิธีที่พวกเขารู้, พวกเขาร่าเริงและมีความเป็นหนึ่งเดียวอย่างมาก พวกเขาแสดงออกมาซึ่งคาแรกเตอร์และวัฒนธรรมการเต้นดีใจ เป็นสิทธิของพวกเขา และผมไม่สามารถบอกได้ว่านั่นเป็นการหยามเกียรติคู่แข่งหรือไม่ผมคงไม่อยากเห็นลูกทีมของผมดีใจแบบนั้น แต่วัฒนธรรมของเราต่างกัน”
