กุนซือใหญ่ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยันบอกกับสื่อว่า เจ้าตัวไม่ได้คิดเรื่องแชมป์แค่อยากให้ทีมพัฒนาไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
เมื่อกุนซือใหญ่อย่าง เอริค เทน ฮาก นายใหญ่ของทีมแทนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำผลงานที่ยอดเยี่ยม ป้องกันบ้านไว้โดย ได้เอาชนะอริร่วมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปในสกอ 2-1 ในวันเสาร์ที่ผ่านมา จากการยิงประตูของ บรูโน่ แฟร์นานเดส และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ผลการแข่งขันออกมาเลยได้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นไปอยู่ในดับที่ 3 ของคะแนน พรีเมียร์ ลีก ตามหลังจ่าฝูง อย่าง อาร์เซน่อล 6 คะแนน และทำให้เขาขึ้นไปเป็นทีมลุ้นแชมป์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เทน ฮาก ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อบอกเจ้าตัวยังไม่คิดที่จะได้แชปม์ แต่จะเน้นไปพัฒนาให้นักเตะในทีมรับมือกับสถานการณ์ตอนยากลำบากให้ได้ดีขึ้น
“แฟนบอลสามารถฝันถึงการเป็นแชมป์ลีกได้ แต่เราไม่ทำแบบนั้น เราต้องไม่เหลิงและยอมรับความจริงที่ว่าเรายังมีอีกหลายอย่างต้องพัฒนา ตัวอย่างในเกมนี้กับ ซิตี้, หลังจบครึ่งแรกเราเสียการครองเกมเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แล้วจากนั้นเราก็โดนนำก่อนอย่างไม่จำเป็น ในเกมฟุตบอลระดับท็อป รายละเอียดอันเล็กน้อยมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ และเราต้องพัฒนาเรื่องนี้ต่อไป ชัดเจนเลยว่าเราได้พัฒนาขึ้นแล้ว แต่ยังเหลือหนทางอีกยาวไกล มีหลายด้านที่เราต้องพัฒนาขึ้น แต่เรากำลังก้าวหน้าขึ้น นั่นค่อนข้างชัดเจนเลย”
“หลังพักครึ่งแรก เรากลับมาด้วยฟอร์มที่ไม่ดีนัก, แมนฯ ซิตี้ มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างซึ่งสร้างปัญหาและทำให้เราเจอความยากลำบาก เราพยายามจะกลับมาครองเกมให้ได้อย่างในครึ่งแรก ครึ่งแรกเราเล่นได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเกมรับและการทำตามแท็คติก เราเข้าสกัดได้ดีจากนั้นในจังหวะสวนกลับ เราก็สร้างโอกาสดีๆ ได้หลายครั้ง ความรู้สึกช่วงพักครึ่งคือเราควรจะเป็นฝ่ายออกนำในเกมนี้ แต่หลังจากนั้นมันก็เป็นเกมที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง”
“เราไม่ได้เพรสซิ่งใส่ โรดรี้ ส่วน ไคล์ วอล์คเกอร์ ก็หุบเข้ากลางมาเกินไป และเราไม่สามารถครองเกมตรงนั้นได้ แต่จากนั้นเราก็ทำประตูได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เรามักจะพูดกันเรื่องของการพัฒนาทีมและแท็คติการเล่น แต่อีกงานหลักของสตาฟฟ์โค้ชคือการทำงานเพื่อกำหนดทัศนคติของทีม ซึ่งทัศนคติเหล่านั้นมีหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือความเป็นนักสู้”
“ทีมนี้กำลังพัฒนาเรื่องวิธีรับเมื่อเจออุปสรรค, ความยากลำบาก หรือช่วงเวลาที่เจ็บปวดอย่างเช่นการโดนนำก่อน แล้วจากนั้นเดินหน้าต่อไป เรามีผู้เล่นที่มีประสบการณ์พอจะรู้ว่าแค่จังหวะเดียวก็ทำให้เกมเปลี่ยนได้ และผมคิดว่าเรารับมือการสถานการณ์แบบนี้ได้ดีขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับหลายเดือนก่อน”