แกรห์ม พอตเตอร์ โค้ชใหญ่ เชลซี บอกว่าการเป็นโค้ชกุนซือให้กับสโมสรของเขา อาจคืองานที่ยากที่สุดในวงการฟุตบอล เพราะมีความคาดหวังสูงในช่วงเปลี่ยนผ่าน พร้อมเปิดเผยว่าได้มีการพูดคุยที่ดีกับเหล่าแข้งอาวุโสเพื่อพลิกสถานการณ์
พอตเตอร์ เข้ารับตำแหน่งกุนซือ สิงห์บลู ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และกำลังเจอกระแสกดดันหนักเนื่องจาก 12 นัดหลังสุดชนะแค่ 3 เกม จมอันดับ 10 ของพรีเมียร์ ลีก แถมตกรอบทั้ง เอฟเอ คัพ กับ คาราบาว คัพ ในเกมนัดล่าสุดซึ่ง เชลซี บุกแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-0 มีแฟนบอลบางส่วนของพวกเขาร้องเรียกชื่อ โรมัน อับราโมวิช และ โธมัส ทูเคิ่ล สองบุคคลสำคัญที่เพิ่งออกจากสโมสรไปเมื่อปีก่อน คืนวันศุกร์นี้ แกรห์ม เตรียมคุมทีมลง พรีเมียร์ ลีก ทำศึก London derby ออกเยือน Fulham และระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อนเกม เขาถูกถามเรื่องความกดดันที่ตนกำลังเจอ
“ผมคิดว่าสโมสรแห่งนี้มีวิธีการทำงานที่ชัดเจนและทำได้ดีมาตลอด 20 ปีหลัง, ผมให้ความเคารพอย่างสูงต่อเจ้าของทีมคนเก่าและสิ่งที่พวกเขาเคยทำซี่งยอดเยี่ยมมาก โชคร้ายที่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว ซึ่งทำให้สูญเสียความเป็นผู้นำทั้งหลายไป เรามีเจ้าของใหม่ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างรวดเร็ว ตลอด 6 ถึง 12 เดือนหลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และบางทีการเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถส่งผลต่อหลายเรื่องในวิธีที่แตกต่างกัน”
“ผมคิดว่าการคาดหวังให้ทีมงาน, โครงสร้าง และบุคลากรชุดใหม่เข้ามาสานต่อทีมงานชุดเดิมได้เลย คงจะเป็นการแสดงความไม่เคารพ เราสูญเสียหลายสิ่งไป และตอนนี้ต้องสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง ขณะเดียวกัน เราก็ยังเป็น เชลซี ที่ได้รับการคาดหวังอยู่เสมอแต่ความเป็นจริงก็คือ ตอนนี้เราอาจไม่ใช่สโมสรที่มีการบริหารที่ดี ในแง่ของการทำผลงานในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงมาก”
“ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย ผมรู้ว่ามีหลายคนที่ไม่คิดแบบนั้น และผมพยายามจะอธิบาย แต่ขณะเดียวกันผมก็ยอมรับว่าผมเป็นเฮดโค้ช ซึ่งต้องรับผิดชอบเมื่อเราพ่ายแพ้ผู้คนเหล่านั้นไม่ต้องการรับฟังมุมมองนี้จากผม พวกเขาต้องการให้ผมพูดเกี่ยวกับตัวผู้เล่น และผมก็เข้าใจได้”
“ไม่ว่าจะในองค์กรไหน ความท้าทายก็ยังเป็นความท้าทาย, ผมมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เราเจอเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก เราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้น และสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นใหม่นั่นเป็นส่วนหนึ่งของความท้าทายในการคุมทีมนี้ และผมเข้าใจอยู่แล้วว่าสิ่งต่างๆ จะเป็นเรื่องยากในมุมมองของคนเป็นผู้นำ”
“นั่นคือเรื่องที่ท้าทาย, เร้าอารมณ์ และยากจนถึงขั้นน่าตลก, ผมคิดว่างานนี้อาจเป็นงานที่ยากที่สุดในวงการฟุตบอล เพราะเรื่องการเปลี่ยนเจ้าของ และความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อ เชลซี”
“แน่นอนว่าผมไม่คิดมาก่อนว่าเราจะเสียผู้เล่นตัวจริงไป 10 คน แต่นั่นคือสถานการณ์ที่เรากำลังอยู่ ทุกอย่างที่ผมทำได้คือการพูดกับพวกคุณอย่างตรงไปตรงมาเพื่อนำเสนอมุมมอง และทำความเข้าใจคำวิจารณ์ที่ได้รับเมื่อพ่ายแพ้”
“เมื่อวานนี้ผมได้พูดคุยอย่างยาวนานมากกับ ธิอาโก้ ซิลวา, อัซปลิกวยต้า, จอร์จินโญ่ และ โควาซิช – พวกเรามีบทสนทนาที่ดีมาก”
“พวกเขาแสดงคุณภาพออกมาอีกครั้ง พวกเขาซื่อสัตย์ และแสดงความกังวลออกมาได้ดี เช่นเดียวกับแสดงความคิดเห็นแง่บวก ผมคิดว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้”
“เราเป็นทีมที่มีประสบการณ์และโชคดีที่เหล่าผู้เล่นซื่อสัตย์และพร้อมแสดงความรับผิดชอบ พวกเขาต้องการพัฒนาขึ้นเพื่อคว้าชัยชนะ แต่ขณะเดียวกันเราอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก และความท้าทายต่างๆ ก็ส่งผลต่อผู้เล่นเช่นกัน”
“นักฟุตบอลเป็นคนธรรมดา พวกเขาถูกจ้างให้ทำงานของตัวเอง แต่พวกเขาไม่ใช่หุ่นยนต์, พวกเขาได้รับผลกระทบจากผลการแข่งขัน และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านของสโมสร แต่ผมประทับใจในตัวพวกเขาจริงๆผมพูดคุยอย่างสม่ำเสมอกับเจ้าของทีมเช่นกัน เราคุยกัน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และพวกเขาให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม”
“สุดท้ายแล้ว ผมไม่ได้ต้องการขอความเห็นใจ ผมซาบซึ้งและเป็นเกียรติมากที่ได้เข้ามาทำงานที่นี่ วิธีที่ผมจะผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ คือยินดียอมรับความท้าทายที่น่าเหลือเชื่อ เพราะชีวิตผมอาจได้งานที่แย่กว่านี้เยอะผมรู้สึกเจ็บปวด แต่ชีวิตจริงสามารถเจ็บปวดได้มากกว่านี้ และคุณต้องรับมือกับมัน, พลิกสถานการณ์ แล้วเดินหน้าต่อไป ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นเมื่อสิ่งต่างๆ กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ดีอีกครั้ง”